AEC Advisor in Asian Economic Community of ASEAN Countries

บรูไนมั่นคง

บรูไนมั่นคง

ณกฤช เศวตนันทน์ นบ. (เกียรตินิยม) นบท. นม.
Nakrit Sawettanan ACIArb
ที่ปรึกษา www.aec-advisor.com

บรูไนดารุสซาลามหรือประเทศบรูไนเป็นหนึ่งในประเทศสมาชิกอาเซียนที่ไม่ค่อยมีใครกล่าวถึงมากนัก ส่วนหนึ่งอาจมาจากการที่บรูไนเป็นประเทศที่มีขนาดเล็กเพียง 5,765 ตารางกิโลเมตรและมีประชากรไม่ถึง 500,000 คน จึงอาจทำให้ถูกมองว่าเป็นตลาดขนาดเล็กและไม่ค่อยได้รับความสนใจมากนักหากเทียบกับประเทศสมาชิกอาเซียนชาติอื่นๆ แต่ข้อดีของบรูไนคือการเป็นประเทศที่มีความมั่นคงสูงทั้งด้านการเมืองและเศรษฐกิจ อันจะเห็นได้จากรายได้เฉลี่ยของประชากรต่อคนต่อปีสูงเป็นอันดับที่ 2 ของอาเซียนรองจากสิงคโปร์ ซึ่งจากการประมาณการรายได้ต่อหัวของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF (International Monetary Fund) ในปี 2554 พบว่าสูงถึง 36,583 ดอลลาร์สหรัฐ มากกว่ารายได้ต่อหัวของคนไทยเกือบ 6 เท่า

รายได้หลักของบรูไนมาจากการผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติโดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติที่ผลิตได้มากเป็นอันดับ 4 ของโลก โดยบรูไนส่งออกน้ำมันและก๊าซธรรมชาติมากกว่าร้อยละ 90 ของการส่งออกทั้งหมดของประเทศ ในขณะที่สินค้านำเข้าเป็นอาหารทางการเกษตร เช่น ข้าว ผลไม้สดแช่แข็ง น้ำตาลทราย เสื้อผ้า ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ประชากรในบรูไนจะมีรายได้ต่อหัวสูงและมีดุลการค้าเกินดุลมาโดยตลอด

สำหรับโอกาสทางธุรกิจหรือการลงทุนในบรูไนนั้น ประเทศบรูไนได้รับการจัดอันดับว่าเป็นประเทศที่ปลอดภัยที่สุดในเอเชีย การเมืองมีเสถียรภาพ ประชากรส่วนใหญ่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ในระดับดีเนื่องจากได้รับการศึกษาที่ค่อนข้างสูง ประกอบกับรัฐบาลบรูไนให้ความสำคัญกับการลงทุนจากต่างประเทศจึงอนุญาตให้มีการลงทุนจากต่างประเทศเกือบทุกสาขา รวมถึงการอนุญาตให้ต่างชาติถือหุ้นได้ 100 % เว้นแต่เฉพาะในอุตสาหกรรมที่ใช้ทรัพยากรภายในประเทศและที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงทางอาหารแห่งชาติที่ยังต้องมีผู้ถือหุ้นเป็นชาวบรูไนอย่างน้อยร้อยละ 30 ส่วนการจัดเก็บภาษีเงินได้ของบริษัทต่างชาติจะคำนวณภาษีเฉพาะรายได้ที่เกิดในประเทศบรูไนเท่านั้นในอัตราร้อยละ 30 ซึ่งรัฐบาลบรูไนได้ให้สิทธิพิเศษทางภาษีกับบริษัทต่างชาติที่ตั้งธุรกิจใหม่ภายใต้โครงการผู้บุกเบิก (The Pioneer Status Program) จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นเวลา 8 ปีรวมถึงได้รับยกเว้นภาษีนำเข้าเครื่องจักรกับอุปกรณ์ที่ใช้ในโรงงานอีกด้วย

กิจการที่รัฐบาลบรูไนพยายามเน้นให้เกิดการพัฒนามากที่สุด ได้แก่ การเกษตรและการท่องเที่ยวอันเป็นกิจการที่ไทยมีความเชี่ยวชาญมากที่สุด ซึ่งในการเดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของสมเด็จพระราชาธิบดีฮัจญี ฮัสซานัล โบลเกียห์ มูอิซซัดดิน วัดเดาละห์ แห่งบรูไนในฐานะแขกของรัฐบาลเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน – 2 กรกฎาคม 2555 ได้ทำความตกลงโดยใช้จุดแข็งของทั้งสองประเทศในการทำอุตสาหกรรมอาหารฮาลาลโดยมีการทำข้อเสนอโครงการร่วมกันเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล ให้บรูไนสามารถใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตสินค้าเพื่อส่งออกอาหารไปยังประเทศที่สามได้เนื่องจากประเทศไทยมีผลิตผลทางการเกษตรจำนวนมากกับทั้งมีชื่อเสียงในเรื่องผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรและอุตสาหกรรมฮาลาลระดับโลก

ประเทศไทยและประเทศบรูไนมีความสัมพันธ์อันดีมาโดยตลอด นับตั้งแต่ไทยสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับบรูไนเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2527 ทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดโดยเฉพาะในระดับราชวงศ์ที่มีการแลกเปลี่ยนการเยือนในระดับราชวงศ์ ผู้นำระดับสูงของรัฐบาลและผู้นำระดับสูงของกองทัพอยู่เสมอ จะเห็นได้จากล่าสุดกับการไปเยือนบรูไนอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่ 22 เมื่อวันที่ 24 – 25 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งได้ข้อสรุปร่วมกันในฐานะสมาชิกอาเซียนที่กำลังก้าวเข้าสู่การเป็น AEC ว่าจะร่วมกันผลักดันและส่งเสริมการสร้างประชาคมอาเซียนกับขยายขอบเขตความร่วมมือในภูมิภาคอาเซียนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

แม้ว่าในอดีตที่ผ่านมาผู้ประกอบการไทยอาจไม่นิยมเข้าไปลงทุนในบรูไนมากนัก แต่เมื่อพิจารณาถึงปัจจัยต่างๆ ข้างต้นแล้ว บรูไนอาจเป็นอีกประเทศหนึ่งที่ผู้ประกอบการไทยจะพิจารณาใช้โอกาสในการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือ AEC ในอีก 2 ปีข้างหน้าเพื่อเปิดตลาดการค้าการลงทุนกับประเทศบรูไนก็เป็นได้

ที่ปรึกษา www.aec-advisor.com

ดาวโหลดเอกสาร

 

 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *


3 + four =